InfoQuest – ธนาคารกสิกรไทย (BK:KBANK) มองกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทสัปดาห์หน้า (4-8 ธ.ค.) ที่ระดับ 34.50-35.50 บาท/ดอลลาร์ จากปิดตลาดในวันศุกร์ที่ 1 ธ.ค. 66 ที่ระดับ 35.09 บาท/ดอลลาร์ โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขอัตราเงินเฟ้อเดือนพ.ย. ของไทย รวมถึงสัญญาณเงินทุนต่างชาติ
ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ยอดสั่งซื้อภาคโรงงาน ตัวเลขการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) เดือนต.ค. ดัชนี ISM/PMI ภาคบริการ ข้อมูลการจ้างงานภาคเอกชน ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร และอัตราการว่างงานเดือนพ.ย. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามดัชนี PMI ภาคบริการเดือนพ.ย. ของจีน ยูโรโซน และอังกฤษ รวมถึงตัวเลขการส่งออกเดือนพ.ย. ของจีนด้วยเช่นกัน
ในสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทแข็งค่าขึ้นตามภาพรวมของสกุลเงินอื่นๆ ในเอเชียท่ามกลางแรงขายเงินดอลลาร์ฯ หลังจากถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เริ่มสะท้อนท่าทียอมรับว่า วัฎจักรดอกเบี้ยขาขึ้นของสหรัฐฯ อาจจะสิ้นสุดไปแล้ว นอกจากนี้เงินดอลลาร์ฯ ยังมีปัจจัยกดดันจากการปรับตัวลงของบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ และตัวเลขยอดขายบ้านใหม่เดือนต.ค. ของสหรัฐฯ ซึ่งปรับตัวลงมากกว่าที่คาดด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ดี เงินบาทอ่อนค่ากลับมาบางส่วน หลังคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีการปรับลดประมาณการอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปี 2566-2567 ลงมาในการประชุมวันที่ 29 พ.ย. ประกอบกับมีปัจจัยลบเพิ่มเติมจากการกลับมาขายสุทธิพันธบัตรไทยของนักลงทุนต่างชาติ ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ ฟื้นตัวขึ้นเล็กน้อย หลังเจ้าหน้าที่เฟดหลายรายส่งสัญญาณว่า เฟดยังไม่มีการพิจารณาเรื่องการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงในปีหน้า
สำหรับสถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติระหว่างวันที่ 27 พ.ย.-1 ธ.ค. 2566 นั้น นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทย 5,912.2 ล้านบาท และมีสถานะเป็น Net Outflows ออกจากตลาดพันธบัตรไทย 4,508.9 ล้านบาท (ขายสุทธิพันธบัตร 4,505.4 ล้านบาท และมีตราสารหนี้หมดอายุ 3.5 ล้านบาท)
กดอ่านข่าวต้นฉบับจาก InfoQuest