InfoQuest – นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ 34.61/66 บาท/ดอลลาร์ จากเปิดตลาดเมื่อ เช้าที่ระดับ 34.72 บาท/ดอลลาร์ โดยระหว่างวันเงินบาทยังไร้ปัจจัยใหม่ เคลื่อนไหวในกรอบ 34.57 – 34.77 บาท/ดอลลาร์ “ยังไม่เห็นข่าวปัจจัยใหม่ระหว่างวัน คาดว่าตลาดปิด Position ก่อนหยุดช่วงวันคริสต์มาสในสัปดาห์หน้า” นักบริหารเงิน ระบุ สำหรับช่วงนี้ตลาดยังรอดูนโยบายดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ปี 67 ส่วนคืนนี้รอติดตามดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วน บุคคล (PCE) เดือนพ.ย. ซึ่งตลาดคาดว่าจะออกมาเท่าเดิม นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทวันจันทร์ไว้ที่ 34.50 – 34.80 บาท/ดอลลาร์
* ปัจจัยสำคัญ – เงินเยนอยู่ที่ระดับ 142.10/16 เยน/ดอลลาร์ จากเมื่อเช้าที่ระดับ 142.34 เยน/ดอลลาร์ – เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1003/1007 ดอลลาร์/ยูโร จากเมื่อเช้าที่ระดับ 1.0999 ดอลลาร์/ยูโร – ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ 1,405.09 จุด เพิ่มขึ้น 0.25 จุด (+0.02%) มูลค่าการซื้อขาย 33,666.09 ล้านบาท – สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 2,130.86 ลบ. – กระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า รายงานการติดตามสภาวะเศรษฐกิจไทยฉบับเดือนธ.ค. 66 ของธนาคารโลกระบุว่า ไทย ประสบความสูญเสียทางเศรษฐกิจถึง 6% ของ GDP จากผลกระทบของวิกฤตฝุ่นควัน PM2.5 ต่อสุขภาพของประชาชน พร้อมให้คำแนะนำ ว่า ไทยควรใช้มาตรการเก็บภาษีคาร์บอน หรือการซื้อขายคาร์บอนเครดิตเป็นเครื่องมือแก้ไขปัญหาดังกล่าว – สำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษ (ONS) เปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งสุดท้ายของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 3/66 โดยระบุว่า GDP หดตัวลง 0.1% ซึ่งย่ำแย่กว่าการประมาณการครั้งแรกที่ระบุว่า GDP ไม่มีการขยายตัว (0%) ส่วนยอดค้าปลีกของอังกฤษเพิ่มขึ้น 1.3% ในเดือนพ.ย.เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า – ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เปิดเผยรายงานการประชุมประจำเดือนต.ค. ในวันนี้ โดยระบุว่า กรรมการ BOJ ได้หารือ กันเกี่ยวกับแนวทางการสื่อสารให้ตลาดรับรู้เกี่ยวกับการปรับนโยบายควบคุมเส้นอัตราผลตอบแทน (YCC) โดยกรรมการบางส่วนพยายาม อธิบายว่า การปรับ YCC ถือเป็นย่างก้าวสำคัญในการปูทางไปสู่การยุติการใช้นโยบายผ่อนคลายการเงินแบบพิเศษ (Ultra-loose Monetary Policy) – สมาคมเพื่อการโทรคมนาคมทางการเงินระหว่างธนาคารทั่วโลก (SWIFT) ระบุว่า มูลค่าการชำระเงินหยวนในเดือนพ. ย.เพิ่มขึ้น 34.87% เมื่อเทียบกับเดือนต.ค. ขณะมูลค่าการชำระด้วยสกุลเงินทั้งหมดเพิ่มขึ้น 5.35% – กลุ่มผู้จัดการด้านโลจิสติกส์ทั่วโลก ต้องเผชิญกับปัญหาสองด้านทั้งค่าขนส่งทางทะเลและทางอากาศที่สูงขึ้น และปัญหาสินค้า คั่งค้าง หลังจากกลุ่มบริษัทเดินเรือยังคงหลีกเลี่ยงการใช้เส้นทางขนส่งในทะเลแดง เนื่องจากเสี่ยงที่จะถูกกลุ่มกบฏฮูตีโจมตี เช่น บริษัท เมอส์ก โดยปัญหาทั้งสองด้านนี้เสี่ยงส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานโลก หลังห่วงโซ่อุปทานโลกเพิ่งฟื้นตัวขึ้นจากแรงกดดันด้านเงินเฟ้อและ ความล่าช้าจากผลพวงของโรคโควิด-19 ระบาด
กดอ่านข่าวต้นฉบับจาก InfoQuest