Skip to content

Interstellar Group

ในฐานะผลิตภัณฑ์การซื้อขายทางการเงินที่ซับซ้อน สัญญาส่วนต่าง Contracts for Difference (CFDs) มีความเสี่ยงสูงอย่างมากเนื่องจากคุณสมบัติของเลเวอเรจ บัญชีลูกค้าของนักลงทุนรายย่อยส่วนใหญ่มักบันทึกการสูญเสียเงินลงทุนในสัญญาส่วนต่างอย่างรวดเร็ว คุณควรพิจารณาว่า คุณมีความเข้าใจเกี่ยวกับกฎเกณฑ์การดำเนินงานของสัญญาส่วนต่าง และสามารถรับความเสี่ยงสูงของการสูญเสียเงินลงทุนได้หรือไม่    

ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 35.69 ทรงตัวจากช่วงเช้า ตลาดรอตัวเลข PMI สหรัฐ คาดกรอบพรุ่งนี้ 35.55-35.85

ISG
ประกาศ

เราขอแนะนำให้คุณปฏิบัติตามประกาศทางการตลาดของเรา

.right_news

A WORLD LEADER

IN FX & CFD TRADING

ตลาด
ข่าว

ข้อมูลทางการเงินทั่วโลกตลอด 24 ชั่วโมงและข่าวตลาดโลก

A WORLD LEADER

IN FX & CFD TRADING

การสนับสนุน &
ความรับผิดชอบต่อสังคม

InterStellar Group มีเป้าหมายที่จะเป็นบริษัทชั้นนำ และมีพลังในการสร้างผลกระทบที่ดีต่อโลก
นอกจากนี้เรายังมุ่งมั่นที่จะตอบแทนสังคม โดยตระหนักถึงคุณค่าของทุกคนเป็นส่วนสำคัญของชุมชนระดับโลกของเรา

A WORLD LEADER

IN FX & CFD TRADING

การสัมนาสดเกี่ยวกับฟอเร็กซ์

A WORLD LEADER

IN FX & CFD TRADING

25

2024-01

Date Icon
2024-01-25
การคาดการณ์สภาวะตลาด
ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 35.69 ทรงตัวจากช่วงเช้า ตลาดรอตัวเลข PMI สหรัฐ คาดกรอบพรุ่งนี้ 35.55-35.85

InfoQuest – นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้ อยู่ที่ระดับ 35.69 บาท/ดอลลาร์ ทรงตัวอยู่ใน ระดับเดียวกับเปิดตลาดเมื่อเช้า ระหว่างวันเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ 35.69 – 35.88 บาท/ดอลลาร์ วันนี้เงินบาทเคลื่อนไหวตามสกุลเงินในภูมิภาค โดยระหว่างวัน อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐย่อลง ประกอบกับหุ้นเด้งขึ้น จากปัจจัยที่ประเทศจีนมีแผนตั้งกองทุนเสถียรภาพตลาด ทุน และในประเทศมีข่าวการเมืองเรื่องหุ้นสื่อของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สำหรับคืนนี้ รอติดตามรายงานดัชนี PMI ของสหรัฐฯ นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทวันพรุ่งนี้ไว้ที่ 35.55 – 35.85 บาท/ดอลลาร์

* ปัจจัยสำคัญ – เงินเยนอยู่ที่ระดับ 147.56 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 148.11 เยน/ดอลลาร์ – เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.0902 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.0853 ดอลลาร์/ยูโร – ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,381.19 จุด เพิ่มขึ้น 24.65 จุด (+0.82%) โดยมีมูลค่าการซื้อขาย 53,763.46 ล้านบาท – สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 545.70 ล้านบาท – กระทรวงการคลัง ยืนยันตัวเลขประมาณการเศรษฐกิจไทยในปี 2566 ที่ขยายตัวได้ 1.8% โดยเป็นตัวเลขที่หารือร่วมกับ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ที่ให้ความเห็นไปในทิศทางเดียวกัน แล้ว และหากจะให้เศรษฐกิจไทยในปี 66 เติบโตมากกว่า 2% นั้น เศรษฐกิจในไตรมาส 4/66 จะต้องโตถึง 4-5% ซึ่งยังมองไม่เห็น สัญญาณดังกล่าว และคาดว่าไตรมาส 4/66 เศรษฐกิจไทยจะโตได้แค่ 1.4% เท่านั้น – ธนาคารกสิกรไทย (BK:KBANK) คาดเศรษฐกิจไทยปี 2566 จะขยายตัวได้ 2.5% ก่อนเพิ่มเป็น 3.1% ในปี 67 แต่หากมีโค รงการดิจิทัลวอลเล็ตจะโตได้ 3.6% พร้อมมองว่า โอกาสที่เศรษฐกิจไทยจะเข้าสู่ภาวะถดถอย เพิ่มขึ้นจาก 5% เป็น 15% – KBANK มองเงื่อนไขที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทย จะกลับทิศมาเป็นปรับลดลงได้นั้น มาจากปัจจัยเรื่องอัตราแลก เปลี่ยน เพราะถ้าเงินบาทแข็งค่าจส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออก และการท่องเที่ยวอย่างมีนัยสำคัญ โดยหากค่าเงินบาทไปอยู่ใกล้เคียง ระดับ 33 บาท/ดอลลาร์ โอกาสที่จะเห็นธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) พิจารณาปรับลดดอกเบี้ยก็จะมีมากขึ้น – กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) แนะนำให้ทางการไทย เดินหน้าการปรับนโยบายการคลังให้กลับสู่ภาวะปกติใน ระยะใกล้นี้ ขณะเดียวกันก็ควรดำเนินการปฏิรูปเชิงโครงสร้างอย่างจริงจัง เพื่อกระตุ้นขีดความสามารถในการผลิตและการเติบโต และ เสริมสร้างเศรษฐกิจให้มีความยืดหยุ่น – IMF ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์เศรษฐกิจของไทย โดยคาดว่า GDP ของไทยในปี 2567 จะขยายตัว 4.4% เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ที่ IMF ประมาณการว่าจะขยายตัว 2.5% อย่างไรก็ดี ก็มองว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยกำลังอยู่ในทิศทางที่อ่อนแรงลง อันเนื่อง มาจากเงินเฟ้อที่เร่งตัวขึ้น โดย IMF คาดว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปีนี้ จะเพิ่มขึ้นแตะระดับ 1.7% เนื่องจากอุปสงค์ที่ปรับตัวสูงขึ้น – ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคบริการและการผลิตขั้นต้นของยูโรโซน ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 47.9 ในเดือนม.ค.67 จากระดับ 47.6 ในเดือนธ.ค.66 อย่างไรก็ดี ตัวเลขที่ต่ำกว่าระดับ 50 บ่งชี้ว่า กิจกรรมธุรกิจอยู่ในภาวะหดตัว และ PMI รวม ภาคบริการและการผลิตของยูโรโซนหดตัวมาแล้วเป็นเดือนที่ 8 ติดต่อกัน – ผู้ว่าการธนาคารกลางจีน (PBOC) ระบุว่า จีนจะปรับลดสัดส่วนการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ (RRR) ในช่วงต้นเดือน ก.พ.เพื่อนำเงินบางส่วนที่ถูกกันไว้ก่อนหน้านี้เข้าสู่ระบบ เพื่อส่งเสริมการปล่อยสินเชื่อ ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจจีนได้ ทั้งนี้ การปรับลด RRR ในครั้งนี้ จะช่วยเพิ่มสภาพคล่องระยะยาวให้กับตลาดได้ 1 ล้านล้านหยวน (1.39 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) – ธนาคารกลางมาเลเซีย (BNM) มีมติตรึงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 3% ในการประชุมนโยบายการเงินครั้งแรกของปี 2567 ซึ่งทำให้ BNM มีเวลามากขึ้นในการดำเนินการ หากแรงกดดันเงินเฟ้อปะทุขึ้นเมื่อรัฐบาลมาเลเซียยกเลิกมาตรการจ่ายเงินอุดหนุน ด้านเชื้อเพลิงในช่วงต่อไปของปีนี้

กดอ่านข่าวต้นฉบับจาก InfoQuest

ล่าสุด
ข่าว