InfoQuest – กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) เผยมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่า มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 34.30-35.00 บาท/ดอลลาร์ เทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทปิดแข็งค่าที่ 34.60 บาท/ดอลลาร์ หลังซื้อขายในช่วง 34.50-35.22 บาท/ดอลลาร์ โดยเงินบาทแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบ 1 เดือน ขณะที่เงินดอลลาร์อ่อนค่าเทียบกับทุกสกุลเงินสำคัญในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยดัชนีดอลลาร์เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงิน ร่วงลงแตะจุดต่ำสุดในรอบ 15 เดือน
ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ดิ่งลง หลังข้อมูลบ่งชี้ว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ทั่วไป ปรับขึ้น 3.0% ในเดือนมิ.ย. ซึ่งถือเป็นอัตราการปรับขึ้นน้อยที่สุดในรอบกว่า 2 ปี ส่วนอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน ชะลอลงสู่ 4.8% นอกจากนี้ ดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนมิ.ย.ขยับขึ้นน้อยที่สุดในรอบเกือบ 3 ปี ทำให้นักลงทุนมั่นใจมากขึ้นว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) กำลังเข้าใกล้จุดสิ้นสุดวัฏจักรการคุมเข้มนโยบาย
ทั้งนี้ ตลาดสัญญาล่วงหน้า สะท้อนว่ามีโอกาส 96% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 25bp สู่ 5.25-5.50% ในการประชุมวันที่ 25-26 ก.ค. ซึ่งตลาดมองว่าจะเป็นการขึ้นดอกเบี้ยรอบสุดท้าย โดยนักลงทุนต่างชาติขายหุ้นและพันธบัตรไทยสุทธิ 514 ล้านบาท และ 3,527 ล้านบาท ตามลำดับ
สำหรับภาพรวมในสัปดาห์นี้ กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ฯ ระบุว่า นักลงทุนจะติดตามข้อมูลยอดค้าปลีกเดือนมิ.ย.ของสหรัฐฯ นอกจากนี้ คาดว่าจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมจากทางการจีนภายในเดือนนี้ อนึ่ง ตลาดอัตราแลกเปลี่ยนได้สร้างฐานใหม่หลังดัชนีดอลลาร์กลับเข้าสู่กรอบที่เคยซื้อขายในช่วงก่อนเกิดภาวะเงินเฟ้อโลกพุ่งขึ้นเมื่อเดือนมี.ค.ปี 65 โดยยิ่งเฟดส่งสัญญาณการขึ้นดอกเบี้ยอย่างแข็งกร้าว ท่ามกลางเงินเฟ้อที่ชะลอตัวลง ยิ่งจะทำให้ตลาดมองไปถึงการลดดอกเบี้ยในปี 67 อย่างรวดเร็วมากขึ้น
เราคาดว่าแรงส่งของเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะแผ่วลง โดยเฉพาะการลดลงของระดับการออมส่วนเกินของผู้บริโภค ซึ่งตรงข้ามกับการออมส่วนเกินระดับสูงในยุโรป และประเทศพัฒนาแล้วแห่งอื่นๆ สถานการณ์เช่นนี้ สนับสนุนมุมมองหลักของเราที่ว่า เงินดอลลาร์มีแนวโน้มผันผวนในเชิงอ่อนค่า โดยอาจมีการฟื้นตัวสลับกลับขึ้นมาได้บ้างชั่วคราวระหว่างทาง
สำหรับปัจจัยในประเทศ ตลาดการเงินจะให้ความสนใจกับการโหวตนายกรัฐมนตรีรอบสอง แนวทางการจัดตั้งรัฐบาล และนโยบายด้านเศรษฐกิจต่อไป โดยหากในสัปดาห์นี้มีความชัดเจนเกี่ยวกับประเด็นต่างๆ มากขึ้น อาจส่งผลบวกต่อกระแสเงินทุนเคลื่อนย้าย และความต้องการถือครองสินทรัพย์สกุลเงินบาทได้เช่นกัน
กดอ่านข่าวต้นฉบับจาก InfoQuest